1
ทริปภาษาอังกฤษ / [How to] ภาษาอังกฤษเริ่มจากศูนย์ ต้องเริ่มตรงไหนมาดู! (สำหรับคนที่ไม่รู้ว่าจะเดิ
« on: กุมภาพันธ์ 15, 2019, 01:29:31 PM »
หลายคนอาจหงุดหงิดกับระดับภาษาอังกฤษของตัวเอง เรียนมาตั้งแต่อนุบาลแต่ทำไมยังพูดไม่ได้ อ่านไม่รู้เรื่องสักที เจอวงสนทนาภาษาอังกฤษทีไรเป็นต้องหลบ แล้วปัญหาของการสื่อสารภาษาอังกฤษไม่ได้นี้มันมาจากอะไรกันแน่ จะแก้ปัญหาและพัฒนาภาษาอังกฤษของตัวเองได้อย่างไร บางคนอาจสมัครเข้าเรียนในสถาบันสอนภาษาหรือแม้กระทั่งจ้างครูมาสอนเป็นการส่วนตัว แต่นั่นช่วยให้คนเหล่านั้นใช้ภาษาอังกฤษได้ดีขึ้นหรือไม่ หากหยุดการเรียนจากห้องเรียนจะเกิดอะไรขึ้น แล้วมีหนทางอื่นที่จะเรียนรู้ภาษาอังกฤษได้ตลอดเวลาหรือไม่ คำตอบคือมีครับ หนทางที่ดีที่สุดของการเรียนภาษาอังกฤษหรือภาษาที่สามใดๆก็ตามคือการไปอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยการใช้ภาษานั้นๆแบบ Full-time หรือพูดง่ายๆคือไปอยู่ต่างประเทศนั่นเอง แต่จะมีสักกี่คนที่ทำแบบนั้นได้หากไม่รวยจริง หรือไม่มีงานหรือหน้าที่อย่างอื่นที่ต้องรับผิดชอบในประเทศไทย อีกหนึ่งวิธีที่ได้ผลดี ประหยัด และเรียนรู้ได้ตลอดเวลาคือการฝึกฝนด้วยตัวเองตามสื่อและช่องทางต่างๆ ที่มีอยู่มากมายนับไม่ถ้วนในโลกไร้พรมแดนในปัจจุบัน
การเรียนรู้ภาษาอังกฤษหรือภาษาใดก็แล้วแต่มีเพียง 4 ทักษะหลักๆที่เราจะต้องเรียนรู้ คือ ฟัง พูด อ่าน และเขียน ก่อนทำการศึกษาเราควรรู้ระดับของตัวเองก่อนว่าภาษาเราแย่มาก แย่ ใช้ได้ ดี หรือ ดีมากแค่ไหน วิธีทดสอบไม่ต้องไปหาแบบทดสอบมาทำให้ยุ่งยากเพราะเรารู้ตัวเราเองอยู่แล้วว่าเราอยู่ระดับไหน เพียงแค่ไม่โกหกตัวเองเป็นพอ เสร็จแล้วตั้งเป้าหมายหรือหาจุดมุ่งหมายของการเรียนว่าเราจะพัฒนาทักษะด้านใดดี ขั้นตอนต่อไปก็เพียงแค่เริ่มลงมือและอดเท่านั้นเอง ช่องทางและวิธีขออธิบายในลำดับต่อไป
ผมขอแนะนำกรณีที่ระดับภาษาอยู่ในขั้นพื้นฐาน หรือที่บางคนอาจบอกกับตัวเองว่า "แย่" นั่นเอง สิ่งที่จะต้องฝึกเบื้องต้นเลยคือทักษะการ ฟัง และ อ่าน เพราะ ฟังและอ่านเป็นทักษาการรับรู้ เรียนรู้ หรือนำข้อมูลเข้าใส่ตัว (Input) ซึ่งเป็นการเรียนรู้ที่ง่ายกว่า หากจะเริ่มด้วยการพูดหรือเขียนเชื่อว่าหลายคนคงไปต่อกันไม่ถูกเลยทีเดียว เว้นแต่ว่าจะมีทักษะดีอยู่แล้ว ทีนี้มาดูกันว่าเราจะเริ่มเรียนรู้กันได้อย่างไร
การฟัง
การฟังเป็นการเรียนรู้ที่สามารถทำได้ทุกที่ทุกเวลา ไม่ว่าจะแค่ 1 นาที 5 นาที หรือเป็นชั่วโมง การฝึกที่ดีที่สุดคือการฟังข่าวภาษาอังกฤษ ช่องทางการฟังมีหลากหลายมาก เช่น ดูข่าวผ่านทีวี CNN, BBC หรือช่องอื่นๆ หรือ ฟังข่าวออนไลน์ผ่านมือถือ ซึ่งหาดาวน์โหลด Application เหล่านี้ได้ง่ายมาก ประเด็นคือฟังไม่รู้เรื่อง มันมืดไปหมด แล้วอย่างนี้จะเรียนรู้ได้อย่างไร อย่าเพิ่งถอดใจครับเพราะเป็นเรื่องธรรมดาหากฟังไม่เข้าใจ เพราะแม้กระทั้งคนที่ระดับภาษาอังกฤษค่อยข้างดีแล้วบางทีเขายังฟังข่าวไม่ค่อยรู้เรื่องก็มี สิ่งที่จะแนะนำคือพยายามฟังบ่อยๆ หากมีเวลาพยายามตั้งใจฟังและพยายามจับให้ได้ว่าเขากำลังรายงานข่าวเรื่องอะไรอยู่ พยายามแยกแยะคำศัพท์แต่ละคำออกจากกันให้ได้ถึงแม่จะไม่รู้ความหมายของคำนั้นๆก็ตาม เพราะถ้าเราฟังเฉยๆลอยๆจะเหมือนกับเวลาฝรั่งอ่านหนังสือภาษาไทยที่ไม่รู้ว่าแต่ละคำจบตรงไหนเพราะเขียนติดกันเป็นพืดไปหมด ดังนั้นช่วงเริ่มฟังใหม่ๆไม่จำเป็นต้องรู้ความหมายหรือรู้เรื่องทั้งหมด แค่พยายามจับคำของนักข่าวให้ได้ก็พอ แต่ถ้าไม่ได้จริงๆอย่าเพิ่งท้อเพราะการฟังบ่อยก็ช่วยให้เราคุ้นชินกับสำเนียง ท่วงทำนอง ระดับสูงต่ำ ของภาษาได้ไปในตัว ฟังไปนานๆมันจะฝังอยู่ในจิตใต้สำนึกเราเองและไม่ช้าเราจะจับคำพูดที่เราฟังได้โดยที่ไม่ต้องพยายามอีกต่อไป ดังนั้นว่างๆหากมีสมาร์ทโฟนให้เข้าไปดาวโหลด Podcast ข่าวของ CNN หรือ BBC มาไว้ในมือถือ ขึ้นบีทีเอสหรือรอรถเมย์เมื่อไหร่ก็หยิบออกมาฟังเพลินๆ หรือเข้าไปที่ Leaning English ของ Voice of America จาก http://learningenglish.voanews.com ในนี้จะรวบรวมข่าวพร้อมคลิปเสียงการบรรยายข่าวนั้นๆโดยเขาทำไว้เพื่อให้คนฝึกฟังภาษาอังกฤษโดยเฉพาะ ดังนั้นการรายงานข่าวจึงไม่เร็วเกินไปและชัดถ้อยชัดคำมาก
ต่อมาคือการฝึกฟังจากการดูหนัง หรือซีรี่ฝรั่ง คำแนะนำคือห้ามมี Subtitle หรือถ้าต้องมีจริงๆต้องเป็นภาษาอังกฤษเท่านั้น ห้ามเป็นภาษาไทยโดยเด็ดขาด เพราะคุณจะไม่ได้อะไรเลยจากการดูหนังในครั้งนั้น การดูหนังหรือซีรี่ภาษาอังกฤษจะดีตรงที่ภาษาจะเป็นภาษาพูดที่ใช้ในชีวิตประจำวันทั่วไป แนะนำอย่าเลือกหนังที่เป็นหนังประวัติศาสตร์ย้อนยุค เพราะเราจะไม่เข้าใจภาษา ถ้าเลือกได้แนะนำหนังการ์ตูนของ Walt Disney ดูน่ารักเพลินๆและภาษาเข้าใจง่าย ส่วนซี่รี่ก็เลือกดูที่เราถนัด
การฟังอีกอย่างคือการฟังเพลง เชื่อว่าทุกคนฟังเพลงสากล แต่มีกี่คนที่รู้ว่าเพลงที่ฟังอยู่สื่อถึงอะไร หรือเนื้อเพลงแปลว่าอะไร หากฟังแบบนั้นจะเป็นแค่การฟังเพื่อความเพลิดเพลิน การฟังที่ได้เรียนรู้ไปด้วยแนะนำให้เปิดหาความหมายของเนื้อร้องประกอบไปด้วย อาจจะฝึกแปลเองหรือเข้าไปหาดูบทแปลจากอินเตอร์เน็ท แต่ระวังนิดนึงเพราะบางเว็ปที่แปลเพลงสากลอาจแปลได้ไม่ค่อยตรงความหมายของเพลง หรือความหมายไม่ได้ตามอารมณ์ที่ควรจะเป็นของเพลงนั้นๆ ข้อดีของการฟังเพลงคือเพลง 1 เพลงปกติเราไม่ฟังแค่รอบเดียวแล้วเลิกฟัง เรามักจะฟังซ้ำๆทุกวันจึงทำให้เกิดการคุ้นหูและเคยชินกับประโยคในเพลง หากเรารู้ความหมายจะเป็นการดีที่เราได้เรียนรู้ทั้งคำศัพท์และตัวอย่างการใช้ไปในตัว เวลาจำไปใช้ก็เอาไปทั้งประโยคได้เลย
ทางเข้าfun88
การอ่าน
อ่านน้อยได้น้อย อ่านมากได้มาก อันนี้ขึ้นอยู่กับความขยันของตัวบุคคลจริงๆ ทุกครั้งที่เราอ่านเราจะได้อะไรเสมอ สำหรับการอ่านภาษาอังกฤษไหนๆก็จะเริ่มอ่านแล้วควรอ่านให้ได้ประโยชน์มากที่สุด แนะนำให้อ่านข่าวภาษาอังกฤษ บทความ หรือนิตยสารภาษาอังกฤษ การอ่านจะต่างจากการฟังตรงที่เวลาอ่านพยายามทำความเข้าใจในสิ่งที่เรากำลังอ่าน หากเจอคำศัพท์แปลกที่เราไม่รู้ความหมายให้เปิดพจนานุกรมและเขียนกำกับไว้เลย (แนะนำให้เขียนลงในเนื้อหาที่เราอ่านเลย) หากเป็นไปได้ควรอ่านทุกวันอย่างน้อยวันละหนึ่งหัวข้อข่าวหรือหนึ่งบทความ เจอคำที่ไม่รู้ให้เปิดพจนานุกรมและเขียนไว้ถึงแม้จะเป็นคำเดิมที่เราเคยเจอและเคยเปิดมาแล้ว เพราะถ้าเปิดอีกรอบนั่นหมายความว่าเรายังจำไม่ได้ หากอ่านทุกวันเราจะเห็นว่าเราจะเจอคำศัพท์เดิมๆบ่อยครั้ง ในที่สุดเราจะจำคำนั้นๆได้โดยอัตโนมัติ แต่การอ่านไม่จำเป็นต้องเปิดแบบละเอียดทุกคำเพราะมันจะทำให้เราเกิดอาการหงุดหงิดท้อละเลิกอ่านไปในที่สุด บางทีเราสามารถเดาความหมายจากบริบทได้ อันนี้อาจต้องฝึกบ่อยๆนะครับ
การเรียนรู้ภาษาที่สามจะต้องมาควบคู่กับความขยันและอดทน หากขาดสิ่งนี้การเรียนรู้แทบจะไม่ได้ผลเลย ยังไงก็พยายามกันนะครับ ภาษาอังกฤษไม่ใช่สิ่งที่ยากหรือน่ากลัว แต่หากเราไม่รู้แล้วเกิดจำเป็นต้องใช้ในวันข้างหน้าความน่ากลัวจะมาเยือน
บางส่วนของเว็ปไซต์แนะนำสำหรับการเรียนภาษาอังกฤษ
การเรียนรู้ภาษาอังกฤษหรือภาษาใดก็แล้วแต่มีเพียง 4 ทักษะหลักๆที่เราจะต้องเรียนรู้ คือ ฟัง พูด อ่าน และเขียน ก่อนทำการศึกษาเราควรรู้ระดับของตัวเองก่อนว่าภาษาเราแย่มาก แย่ ใช้ได้ ดี หรือ ดีมากแค่ไหน วิธีทดสอบไม่ต้องไปหาแบบทดสอบมาทำให้ยุ่งยากเพราะเรารู้ตัวเราเองอยู่แล้วว่าเราอยู่ระดับไหน เพียงแค่ไม่โกหกตัวเองเป็นพอ เสร็จแล้วตั้งเป้าหมายหรือหาจุดมุ่งหมายของการเรียนว่าเราจะพัฒนาทักษะด้านใดดี ขั้นตอนต่อไปก็เพียงแค่เริ่มลงมือและอดเท่านั้นเอง ช่องทางและวิธีขออธิบายในลำดับต่อไป
ผมขอแนะนำกรณีที่ระดับภาษาอยู่ในขั้นพื้นฐาน หรือที่บางคนอาจบอกกับตัวเองว่า "แย่" นั่นเอง สิ่งที่จะต้องฝึกเบื้องต้นเลยคือทักษะการ ฟัง และ อ่าน เพราะ ฟังและอ่านเป็นทักษาการรับรู้ เรียนรู้ หรือนำข้อมูลเข้าใส่ตัว (Input) ซึ่งเป็นการเรียนรู้ที่ง่ายกว่า หากจะเริ่มด้วยการพูดหรือเขียนเชื่อว่าหลายคนคงไปต่อกันไม่ถูกเลยทีเดียว เว้นแต่ว่าจะมีทักษะดีอยู่แล้ว ทีนี้มาดูกันว่าเราจะเริ่มเรียนรู้กันได้อย่างไร
การฟัง
การฟังเป็นการเรียนรู้ที่สามารถทำได้ทุกที่ทุกเวลา ไม่ว่าจะแค่ 1 นาที 5 นาที หรือเป็นชั่วโมง การฝึกที่ดีที่สุดคือการฟังข่าวภาษาอังกฤษ ช่องทางการฟังมีหลากหลายมาก เช่น ดูข่าวผ่านทีวี CNN, BBC หรือช่องอื่นๆ หรือ ฟังข่าวออนไลน์ผ่านมือถือ ซึ่งหาดาวน์โหลด Application เหล่านี้ได้ง่ายมาก ประเด็นคือฟังไม่รู้เรื่อง มันมืดไปหมด แล้วอย่างนี้จะเรียนรู้ได้อย่างไร อย่าเพิ่งถอดใจครับเพราะเป็นเรื่องธรรมดาหากฟังไม่เข้าใจ เพราะแม้กระทั้งคนที่ระดับภาษาอังกฤษค่อยข้างดีแล้วบางทีเขายังฟังข่าวไม่ค่อยรู้เรื่องก็มี สิ่งที่จะแนะนำคือพยายามฟังบ่อยๆ หากมีเวลาพยายามตั้งใจฟังและพยายามจับให้ได้ว่าเขากำลังรายงานข่าวเรื่องอะไรอยู่ พยายามแยกแยะคำศัพท์แต่ละคำออกจากกันให้ได้ถึงแม่จะไม่รู้ความหมายของคำนั้นๆก็ตาม เพราะถ้าเราฟังเฉยๆลอยๆจะเหมือนกับเวลาฝรั่งอ่านหนังสือภาษาไทยที่ไม่รู้ว่าแต่ละคำจบตรงไหนเพราะเขียนติดกันเป็นพืดไปหมด ดังนั้นช่วงเริ่มฟังใหม่ๆไม่จำเป็นต้องรู้ความหมายหรือรู้เรื่องทั้งหมด แค่พยายามจับคำของนักข่าวให้ได้ก็พอ แต่ถ้าไม่ได้จริงๆอย่าเพิ่งท้อเพราะการฟังบ่อยก็ช่วยให้เราคุ้นชินกับสำเนียง ท่วงทำนอง ระดับสูงต่ำ ของภาษาได้ไปในตัว ฟังไปนานๆมันจะฝังอยู่ในจิตใต้สำนึกเราเองและไม่ช้าเราจะจับคำพูดที่เราฟังได้โดยที่ไม่ต้องพยายามอีกต่อไป ดังนั้นว่างๆหากมีสมาร์ทโฟนให้เข้าไปดาวโหลด Podcast ข่าวของ CNN หรือ BBC มาไว้ในมือถือ ขึ้นบีทีเอสหรือรอรถเมย์เมื่อไหร่ก็หยิบออกมาฟังเพลินๆ หรือเข้าไปที่ Leaning English ของ Voice of America จาก http://learningenglish.voanews.com ในนี้จะรวบรวมข่าวพร้อมคลิปเสียงการบรรยายข่าวนั้นๆโดยเขาทำไว้เพื่อให้คนฝึกฟังภาษาอังกฤษโดยเฉพาะ ดังนั้นการรายงานข่าวจึงไม่เร็วเกินไปและชัดถ้อยชัดคำมาก
ต่อมาคือการฝึกฟังจากการดูหนัง หรือซีรี่ฝรั่ง คำแนะนำคือห้ามมี Subtitle หรือถ้าต้องมีจริงๆต้องเป็นภาษาอังกฤษเท่านั้น ห้ามเป็นภาษาไทยโดยเด็ดขาด เพราะคุณจะไม่ได้อะไรเลยจากการดูหนังในครั้งนั้น การดูหนังหรือซีรี่ภาษาอังกฤษจะดีตรงที่ภาษาจะเป็นภาษาพูดที่ใช้ในชีวิตประจำวันทั่วไป แนะนำอย่าเลือกหนังที่เป็นหนังประวัติศาสตร์ย้อนยุค เพราะเราจะไม่เข้าใจภาษา ถ้าเลือกได้แนะนำหนังการ์ตูนของ Walt Disney ดูน่ารักเพลินๆและภาษาเข้าใจง่าย ส่วนซี่รี่ก็เลือกดูที่เราถนัด
การฟังอีกอย่างคือการฟังเพลง เชื่อว่าทุกคนฟังเพลงสากล แต่มีกี่คนที่รู้ว่าเพลงที่ฟังอยู่สื่อถึงอะไร หรือเนื้อเพลงแปลว่าอะไร หากฟังแบบนั้นจะเป็นแค่การฟังเพื่อความเพลิดเพลิน การฟังที่ได้เรียนรู้ไปด้วยแนะนำให้เปิดหาความหมายของเนื้อร้องประกอบไปด้วย อาจจะฝึกแปลเองหรือเข้าไปหาดูบทแปลจากอินเตอร์เน็ท แต่ระวังนิดนึงเพราะบางเว็ปที่แปลเพลงสากลอาจแปลได้ไม่ค่อยตรงความหมายของเพลง หรือความหมายไม่ได้ตามอารมณ์ที่ควรจะเป็นของเพลงนั้นๆ ข้อดีของการฟังเพลงคือเพลง 1 เพลงปกติเราไม่ฟังแค่รอบเดียวแล้วเลิกฟัง เรามักจะฟังซ้ำๆทุกวันจึงทำให้เกิดการคุ้นหูและเคยชินกับประโยคในเพลง หากเรารู้ความหมายจะเป็นการดีที่เราได้เรียนรู้ทั้งคำศัพท์และตัวอย่างการใช้ไปในตัว เวลาจำไปใช้ก็เอาไปทั้งประโยคได้เลย
ทางเข้าfun88
การอ่าน
อ่านน้อยได้น้อย อ่านมากได้มาก อันนี้ขึ้นอยู่กับความขยันของตัวบุคคลจริงๆ ทุกครั้งที่เราอ่านเราจะได้อะไรเสมอ สำหรับการอ่านภาษาอังกฤษไหนๆก็จะเริ่มอ่านแล้วควรอ่านให้ได้ประโยชน์มากที่สุด แนะนำให้อ่านข่าวภาษาอังกฤษ บทความ หรือนิตยสารภาษาอังกฤษ การอ่านจะต่างจากการฟังตรงที่เวลาอ่านพยายามทำความเข้าใจในสิ่งที่เรากำลังอ่าน หากเจอคำศัพท์แปลกที่เราไม่รู้ความหมายให้เปิดพจนานุกรมและเขียนกำกับไว้เลย (แนะนำให้เขียนลงในเนื้อหาที่เราอ่านเลย) หากเป็นไปได้ควรอ่านทุกวันอย่างน้อยวันละหนึ่งหัวข้อข่าวหรือหนึ่งบทความ เจอคำที่ไม่รู้ให้เปิดพจนานุกรมและเขียนไว้ถึงแม้จะเป็นคำเดิมที่เราเคยเจอและเคยเปิดมาแล้ว เพราะถ้าเปิดอีกรอบนั่นหมายความว่าเรายังจำไม่ได้ หากอ่านทุกวันเราจะเห็นว่าเราจะเจอคำศัพท์เดิมๆบ่อยครั้ง ในที่สุดเราจะจำคำนั้นๆได้โดยอัตโนมัติ แต่การอ่านไม่จำเป็นต้องเปิดแบบละเอียดทุกคำเพราะมันจะทำให้เราเกิดอาการหงุดหงิดท้อละเลิกอ่านไปในที่สุด บางทีเราสามารถเดาความหมายจากบริบทได้ อันนี้อาจต้องฝึกบ่อยๆนะครับ
การเรียนรู้ภาษาที่สามจะต้องมาควบคู่กับความขยันและอดทน หากขาดสิ่งนี้การเรียนรู้แทบจะไม่ได้ผลเลย ยังไงก็พยายามกันนะครับ ภาษาอังกฤษไม่ใช่สิ่งที่ยากหรือน่ากลัว แต่หากเราไม่รู้แล้วเกิดจำเป็นต้องใช้ในวันข้างหน้าความน่ากลัวจะมาเยือน
บางส่วนของเว็ปไซต์แนะนำสำหรับการเรียนภาษาอังกฤษ