คำไว้อาลัยงานพระราชทานเพลิงศพนายแพทย์ สุรพล รักทุม
ท่านเป็นหมอ ทำงานรักษาคนไข้มาตลอดชีวิต เปิดคลีนิคของตัวเอง ร่วมธุรกิจกับพอล-ภัทรพล
เปิดบริษัทผลิตยา และลงทุนกับยุรนันท์ ภมรมนตรี(คงรู้จักดี)
เปิดคลีนิคสุขภาพ เป็นที่ปรึกษาให้เหล่าดารา ไปฉีดสเตมเซลล์เพื่อรักษาสุขภาพชลอความแก่ มีลูกค้าเป็นดารามากมาย และเงินทองก็มีมากเช่นกัน แต่กลับพบว่าตนเองป่วยเป็นมะเร็งที่ตับ และใช้เงินที่หามาทั้งชีวิตพยายามรักษาตัวเองด้วยการไปผ่าตัดเปลี่ยนตับที่เมืองนอก กลับมาอยู่เมืองไทยได้ไม่นาน ตรวจพบมะเร็งรุกลามมาที่ปอด ก็ยังพยายามหาวีธีต่อสู้กับมะเร็งร้ายเรื่อยมา สุดท้ายก็ไม่อาจเอาชนะมันได้
ท่านเสียชีวิตในที่สุด ท่านฝากให้พวกเราทั้งหลายระลึกไว้ว่า
1. อย่าเอาแรงกดดัน มาเป็นแรงขับเคลื่อน ใช้ร่างกายจนเกินกำลัง เท่ากับทำร้ายร่างกาย
2. อย่าลืมว่าสุขภาพดี คือ ต้นทุน ร่างกายไม่แข็งแรง คุณจะใช้ชีวิตอย่างมีความสุขได้อย่างไร
3. อย่าเห็นชื่อเสียง และลาภยศเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิต ชื่อเสียงลาภยศ เปรียบดังหมอกควัน สุดท้ายก็มลายสูญ
4. อย่าคิดว่าหมอจะช่วยชีวิตคุณได้ หมอที่ดีคือตัวคุณ ดูแลชีวิตดีกว่าให้ใครมาช่วยชีวิต
5. อย่าคิดว่าอุทิศให้แล้วจะต้องได้รับตอบแทนเสมอไป ให้อะไรกับใครอย่ารอให้เขาทดแทนบุญคุณ
6. อย่าคิดว่ารับราชการแล้วจะเหนือกว่าชาวบ้าน ถึงเวลาเกษียณก็ต้องเป็นชาวบ้านเหมือนเดิม
7. อย่ามองข้ามคนที่มีบุญสัมพันธ์กับคุณ เมื่อคุณตกอับ คุณจึงจะรู้ว่าใครบ้างที่ไปจากคุณ และตอนนั้นคนรู้ใจยิ่งหายาก
8. อย่าเห็นการทักทายของใครเป็นสิ่งน่ารำคาญ คนที่ส่งข้อความให้คุณเสมอเพราะคุณยังอยู่ในใจเขา
คำถามที่น่าคิด คุณมีเงิน แต่คุณมีค่าไหม? เรามักแสวงหาสิ่งที่เราคิดว่า มีค่ามากที่สุดในชีวิต แต่สุดท้าย ทุกคนหนีไม่พ้นอนิจจัง หมั่นคิดดี พูดดี ทำดี คุณค่าของชีวิต สร้างได้โดยไม่ต้องใช้□ สุขภาพดีมาจากไหน ?
พื้นฐาน 4 ประการในชีวิตประจำวัน คือ
-สภาวะจิตที่สงบสุข
-มีโภชนาการที่สมดุล
-ออกกำลังกายพอเหมาะ
-นอนหลับให้เพียงพอ
คนเราจะอยู่ได้อย่างมีคุณภาพต้องอาศัยอวัยวะทั้ง 5 คือ ตับ หัวใจ ม้าม ปอด และไต
□WHO เตือนเราว่า คนเราเกิดโรคจาก
(1) รูปแบบการดำรงชีวิตไม่เหมาะสม
(2) กินอาหารไม่สมดุล
□หากจะถามว่า เรากินอาหารเพื่ออะไร ? คำตอบที่ได้ คือ
(1) เพื่อการมีชีวิตอยู่
(2) เพื่อป้องกันโรค
(3) เพื่อรักษาโรค
□บรรดาโรคหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน เกิดจากการกินทั้งนั้น ในเมื่อกินแล้วทำให้เกิดโรคได้ ก็ต้องกินแล้วรักษาโรคได้เช่นกัน
□แพทย์แผนจีนนั้น เป็นมรดกตกทอดมา 5 พันปี เพื่อให้คนรุ่นหลังใช้รักษาโรค 5 ขั้นตอน คือ
ขั้นตอน 1 รักษาด้วยอาหาร
หมอจะให้สูตรอาหารแก่คนไข้เป็นเวลาหลายเดือน ถ้าไม่ได้ผล ก็จะใช้
ขั้นตอน 2 กวาดทราย ดูดด้วยสุญญากาศ บีบนวด และดึงดัน ถ้าไม่ได้ผล ก็จะใช้
ขั้นตอน 3 ฝังเข็ม ถ้าไม่ได้ผล ก็จะใช้
ขั้นตอน 4 ใช้เหล้าดอง ถ้าไม่ได้ผล ก็จะใช้
ขั้นตอน 5 ใช้ยา
ปัจจุบันหมอจะให้ยาทันที ที่คนไข้มาหา ยาย่อมมีพิษ คุณกินยาทั้งเดือนทั้งปี ไม่มีวันที่โรคจะหายขาด
Socrates บิดาแห่งแพทย์แผนปัจจุบัน เคยกล่าวเตือนว่า
“ จงกินอาหารให้เป็นยา อย่ากินยาเป็นอาหาร ”
จีนโบราณก็มีคำกล่าวว่า “ใช้อาหารรักษาโรคดีกว่ายา”
แต่ทุกวันนี้ มันกลับกันหมด
เรากินอาหารเพื่ออวัยวะชิ้นไหนกันแน่ ?
เราอยู่ได้ เพราะอาศัยพลังงานจากอวัยวะทั้ง 5
• ตับดีชอบให้กินสีเขียว
• หัวใจดีชอบให้กินสีแดง
• ม้ามดีชอบให้กินสีเหลือง
• ปอดดีชอบให้กินสีขาว
• ไตดีชอบให้กินสีดำ
คำว่าดุลยภาพ หมายถึงกินหลากหลายชนิด
• ตับมีปัญหา สีหน้าจะออกเขียว
• หัวใจมีปัญหา สีหน้าจะออกแดง
• ม้ามมีปัญหา สีหน้าจะออกเหลือง
• คนไข้หอบหืด สีหน้าจะออกขาว
• คนไข้ไตเสื่อม สีหน้าจะออกดำ
ว่าด้วยเรื่องอาหาร
• ถั่วเขียวบำรุงตับ
คนทั่วไปมักจะต้มถั่วเขียวจนเละซึ่งไม่ถูกต้อง
วิธีที่ต้มถั่วเขียวที่ได้ประโยชน์ ที่ถูกคือ ต้มให้น้ำเดือดประมาณ 5-6 นาที ก่อนที่ถั่วจะแตกเม็ด รินเอาน้ำออกจะได้น้ำถั่วเขียว ที่มีสีเข้มข้นที่สุด ดื่มแล้ว มีสรรพคุณขับพิษสูงสุด จากนั้นเอาถั่วเติมน้ำ ต้มต่อจนเละ กินเป็นอาหาร
• หัวใจชอบสีแดง ให้กินถั่วแดง
• ม้ามชอบสีเหลือง ให้กินถั่วเหลือง
• ปอดชอบสีขาว ให้กินถั่วขาว
• ไตชอบสีดำ ให้กินถั่วดำ
ทำไมถึงให้กินแต่ถั่ว ? เพราะตำรายาจีนมีคำว่า “คนเรากินถั่วทั้ง 5 จะสมบูรณ์พูนสุข ”
โภชนาการแผนจีน ก็เน้นว่า “กินไม่พ้นถั่ว”
ดังนั้น เราควรบริโภคถั่วตลอดชีวิต
นตำรายาจีน ได้พูดถึง รสชาติ ไว้ดังนี้
• เปรี้ยวบำรุงตับ (หากกินมาก ตับพัง)
• ขมบำรุงหัวใจ (หากกินมาก หัวใจพัง)
• หวานบำรุงม้าม (หากกินมาก ม้ามพัง)
• เผ็ดบำรุงปอด (หากกินมาก ปอดพัง)
• เค็มบำรุงไต (หากกินมาก ไตพัง)
หมายความว่า ต้องกินให้ครบทุกรสชาติ
กินอาหารอย่างไรจึงจะเหมาะ ?
ง่ายนิดเดียว ขอแนะนำว่า แต่นี้ไป ให้กินผักดิบผลไม้สด แต่ละมื้อ ถ้าเปลือกกินได้ ก็กินทั้งเปลือกจะยิ่งดี
เพราะแพทย์แผนจีนถือว่า กินของดิบลดอาการร้อนใน แพทย์แผนปัจจุบันก็ถือว่า ผักผลไม้สดดิบให้วิตามินดีกว่า
ขอส่งท้ายด้วย 4 ประโยคดังนี้
“ หมอที่ดีที่สุดคือตัวเรา โรงพยาบาลที่ดีที่สุด คือ ห้องครัว ยาที่ดีที่สุด คือ อาหาร ที่มีคุณค่า การรักษาที่ดีที่สุด คือเวลา ”
ซินแสจีนแนะนำดังนี้
1. หลังจากฟังคำบรรยายแล้ว นำไปเผยแพร่แก่ญาติมิตร เพื่อให้ทุกคนมีสุขภาพดี และเป็นการทบทวนในตัว
2. เขียนข้อความ “ก่อนถึงอายุ 99 ห้ามเข้า (โลง) เด็ดขาด” ติดไว้หน้าเตียง เพื่อสั่งจิตใต้สำนึกของเราให้ดูแลร่างกายของเรา
สรุปว่าต่อไปนี้
- กินอาหารให้เป็นยา ไม่ใช่กินยา เป็นอาหาร
- อารมณ์ดี หัวเราะ สามเวลา เพื่อห่างไกลจาก โรคและยา
- บริโภคถั่ว ตลอดชีวิต เพื่อบำรุงอวัยวะทั้ง 5 คือ ตับ หัวใจ ม้าม ปอด และไต ควรกินทั้ง ถั่วเขียว ถั่วแดง ถั่วเหลือง ถั่วขาว และ ถั่วดำ นั่นเอง !!!
- ให้กินผักดิบ ผลไม้สดที่สะอาดปลอดสารพิษ ถ้าเปลือกกินได้ ก็กินทั้งเปลือก
- กินอาหารให้ถูกต้อง เปรียบเสมือน กินยาจากธรรมชาติที่ดีที่สุดนั่นเอง !!!
ขออนุโมทนาสาธุ กับคุณหมอ สุรพล รักทุม ด้วยนะครับผม